สธ. และพันธมิตรผู้ร่วมจัดงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 ห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประกาศเลื่อนจัดงานไปเป็นวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2565
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 ประกาศเลื่อนจัดงานจากวันที่ 20 - 23 มกราคม 2565 ไปเป็นวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2565 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ 1 - 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้านกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรผู้ร่วมจัดงานฯ ชี้เป็นเหตุจำเป็นโดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมจัดงานและผู้เข้าร่วมงานเป็นสำคัญ มั่นใจกำหนดระยะเวลาจัดงานฯ ใหม่ เป็นช่วงที่เหมาะสม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความคลี่คลาย ผู้ร่วมจัดงานและผู้ร่วมงานมีความมั่นใจมากขึ้น
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวถึงการเลื่อนจัดงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 (Thailand International Health Expo 2022) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2565 ออกไปก่อนว่า เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ รวมถึงเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข ทำให้ทางกระทรวงฯ ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานพันธมิตรผู้ร่วมจัดงาน ทั้งสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) อย่างเร่งด่วน
โดยทุกฝ่ายได้เห็นพ้องร่วมกันว่าควรเลื่อนการจัดงานฯ ออกไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ร่วมจัดงาน ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงผู้เข้าร่วมงานเป็นสำคัญ พร้อมกับได้มีความเห็นชอบในการกำหนดช่วงเวลาในการจัดงานฯ ใหม่เป็นระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2565 ในสถานที่จัดงานเดิมคือ ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ 1 - 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งคาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะมีความคลี่คลายลง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการจัดงานฯ มากกว่าในขณะนี้
ซึ่งงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 เป็นงานมหกรรมแสดงศักยภาพความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขครั้งยิ่งใหญ่ของไทย จัดขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้เห็นถึงความพร้อม ความสามารถ และความก้าวหน้าทางการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศไทย รวมถึงยังเป็นการจัดงานฯ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของโลก (Medical and Wellness Hub) พร้อมทั้งยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย และภูมิปัญญาในการดูแลรักษาสุขภาพแบบไทย ทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือและเชื่อมโยงผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทยกับผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพทั่วโลกอีกด้วย
